สิวผด ไม่เท่ากับ สิวยีสต์
รักษาสิวไม่หายเป็นสิวจากเชื้อราหรือป่าว หรือหนูเป็นสิวผด ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อราไหม
ซึ่งทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก!!! ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุการเกิด และวิธีการรักษา มา เราจะขอแยกสาเหตุการเกิดให้ทุกคนเข้าใจก่อน
สิวผด(Acne Aestivalis) : เกิดจากการระคายเคือง พูดง่ายคือกระบวนการอักเสบของผิว หลังจากโดนสิ่งที่มากระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง มลภาวะต่าง PM2.5 หรืออาจะรวมถึง เชื้อรา P.ovale(การที่มีราตัวนี้เยอะบนหน้าสัมพันธ์กับการเกิดสิวผด!!!)
- มีหลากหลายรูปแบบ ลักษณะแดง
- เป็นในเวลารวดเร็ว หลังสัมผัสสาร หรือ ออกจากบ้าน เช่น เช้ายังไม่มีเย็นมีแล้ว
- เป็นเวลาอาการร้อน สัมพันธ์กับการมีเหงือ
- มีสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นความร้อน เล่นกีฬา มลภาวะ การแพ้skincare การล้างหน้าแรงๆ และอื่นอีกมากมายที่ทำให้ผิวระคายเคือง
การรักษา: ง่ายมาก แพ้อะไรระคายเคืองจากอะไรก็หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบ
ยา: กลุ่ม vitaminA
Skincare: ผลิตภัณฑ์ที่มี Moisturizer+ส่วนประกอบที่ช่วยลดการอักเสบ (niacinamide, panthenol,Camomile extract) งด ผลิตภัณฑ์ที่มี ความเป็นกรดเบส สูงๆก่อน
สิวยีสต์(Malassezia Folliculitis)
เอาดีๆจะเรียนว่าสิวก็ไม่ถูก มันคือการติดเชื้อจากเชื้อราในรูขุมขน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่มีสิวเล็กๆจะเป็น วิธีการสังเกตเลยแม่ คือ
- ลักษณะสิวเนี่ย เป็นลักษณะเดียวกันหมดเลย คือเม็ดเล็ก ดูมีตุ่มน้ำใส พบสิวที่บริเวณอื่นด้วยเช่นหน้าอก หลัง
- มีอาการคัน สัมพันธ์กับอาการชื้น หรือที่ที่อับชื้น
- มีประวัติการใช้ยาฆ่าเชื้อมานานไม่ว่าจะเป็นทา(ClindaM) หรือ ยากิน(doxycycline หรือยาฆ่าเชื้ออื่นๆมานาน)หรือมีประวัติการใช้ steroid
- เป็นสิวที่นานแล้ว รักษาไม่หายสักที
การใช้ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยเพราะมันฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่นี่คือเชื้อรา
การรักษา: ใช้ยาฆ่าเชื้อรา และควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย
ยา : ยาฆ่าเชื้อรา ketoconazole
Skincare : พวกผลิตภัณฑ์ที่มี sulfur เป็นส่วนประกอบ
พอจะแยกความแตกต่างได้แล้วนะทุกคน เพราะสิวผดไม่เท่ากับสิวยีสต์ สิวผดไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อราก็หายได้แล้ว แค่หยุดสิ่งที่แพ้ แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วย soothing งดผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงการระคายเคือง
ส่วนใครมที่มีสิวยีสต์เราแนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษานะ เพราะการใช้ยาฆ่าเชื่อราเอง มีผลข้างเคียงได้ ดังนั้นเราต้องมั่นใจก่อนจะใช้หรือรักษา